แมนซิตี พบ เบรนท์ฟอร์ด ยิง1-0 ไล่จี้หงส์ลุ้นจ่าฝูง

แมนซิตี พบ เบรนท์ฟอร์ด เกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023-2024 นัดตกค้างประจำคืนวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เบรนท์ฟอร์ด

ทีมเรือใบสีฟ้า ที่ได้ เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาในช่วงหลัง ผลงานนั้นถือว่าดีสุด ๆ จนกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นคว้าแชมป์อีกครั้ง โดยที่พวกเขาชนะกันมา 11 ติดต่อกัน ก่อนที่จะมาเสมอ เชลซี 1-1 ในเกมล่าสุด

 

ทางด้าน เดอะ บีส์ ของ โธมัส แฟรงค์ ผลงานไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก เพราะ 10 นัดหลังพวกเขาชนะไปเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น และแพ้ไปมากถึง 7 เกมเลยทีเดียว ในขณะที่เกมล่าสุดก็เพิ่งพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล มาแบบเละเทะ 1-4

GOAL! ประตูแรกมาแล้ว นาทีที่ 70 เบรนท์ฟอร์ด ที่รับมาทั้งเกมเผลอตัวบุกครั้งแรกขึ้นไปจบสกอร์แต่ทำไม่ได้ก่อนแมนซิตี้เคาะบอลสั้นตั้งเกมแล้ว ฮาแลนด์ ก็หลุดเดี่ยวโล่ง ๆ ไปยิงตั้งแต่กลางสนามนำ 1-0 

😓 นาทีที่ 79 ฮาแลนด์ ยิงได้อีกแล้วแต่โดนจับล้ำหน้าไปตั้งแต่จังหวะวิ่งของ ไคล์ วอล์คเกอร์

ท้ายเกมเบรนท์ฟอร์ดยังตั้งรับสู้ นาทีที่ 87 ฟิล โฟเดน เลี้ยงแหวกแล้วซัดเต็มข้อบอลพุ่งตรงแต่ เฟล็คเคน ซูเปอร์เซฟออกไปได้!!

ต่อมานาที 90+1 โฟเดนคนเดิมได้หลุดเดี่ยวไปอีกครั้งแต่รอบนี้จะเลี้ยงหลบโกลยิงแต่ไม่สำเร็จแล้วจบเกมเป็น “เรือใบสีฟ้า” ชนะ 1-0 ทำแต้มไล่จ่าฝูง ลิเวอร์พูล ที่แข่งเท่ากัน 25 นัดเหลือแต้มเดียวโดยหงส์แดงมี 57 คะแนน ส่วนทาง เบรนท์ฟอร์ด จมอันดับ 14 มี 25 คะแนนจาก 25 เกม

11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์สัน โมราเอส (GK) ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตน, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคันจี – โรดรี้, แบร์นาโด ซิลวา – ฟิล โฟเดน, ฮูเลียน อัลบาเรซ, ออสการ์ บ็อบบ์ – เออร์ลิง ฮาแลนด์

เบรนท์ฟอร์ด (3-5-2) : มาร์ค เฟล็คเคน (GK) มาธิอัส ยอร์เกนเซ่น, คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, เบน มี – แมดส์ โรเออร์สเลฟ, แฟรงก์ ออนเยกา, คริสเตียน นอร์การ์ด, วิตาลี ยาเนลต์, เซร์ฆิโอ เรกิลอน – ไอแวน โทนีย์, โยอัน วีซา

โปรแกรมถ่ายทอดสด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เบรนท์ฟอร์ด

คืนวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024

เวลาคู่แข่งขันช่องถ่ายทอดสด
02.30 น.แมนฯ ซิตี้ พบ เบรนท์ฟอร์ดTrue Premier Football 1True Premier Football 2

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของแมนฯ ซิตี้

  • 17 กุมภาพันธ์ 2024 เสมอ เชลซี 1-1 (พรีเมียร์ลีก)
  • 13 กุมภาพันธ์ 2024 ชนะ โคเปนเฮเก้น 3-1 (แชมเปียนส์ ลีก)
  • 10 กุมภาพันธ์ 2024 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • 5 กุมภาพันธ์ 2024 ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
  • 31 มกราคม 2024 ชนะ เบิร์นลีย์ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)

วิเคราะห์ความพร้อมของแมนฯ ซิตี้

แมนฯ ซิตี้ จะยังไม่สามารถใช้งาน แจ็ค กรีลิช และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ดี ในเกมที่ผ่านมา แบร์นาโด ซิลวา และ เซร์ฆิโอ โกเมซ สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือกที่ข้างสนามได้อีกครั้ง

เพื่อเป็นการรักษาสภาพร่างกายของผู้เล่น คาดว่าเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ อาจจะมีการโรเตชั่นบางตำแหน่ง ดังนั้นผู้เล่นอย่าง ริโก้ ลูอิส และ มาเตโอ โควาชิซ อาจจะได้ลงสนาม ขณะที่แนวรุกจะยังนำมาโดย ฟิล โฟเด้น, แบร์นาโด ซิลวา และ เออร์ลิง ฮาลันด์

นักเตะบาดเจ็บ : แจ็ค กรีลิช, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล

นักเตะติดโทษแบน : –

เบรนท์ฟอร์ด

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของเบรนท์ฟอร์ด

  • 17 กุมภาพันธ์ 2024 แพ้ ลิเวอร์พูล 1-4 (พรีเมียร์ลีก)
  • 10 กุมภาพันธ์ 2024 ชนะ วูล์ฟ 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • 5 กุมภาพันธ์ 2024 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3 (พรีเมียร์ลีก)
  • 31 มกราคม 2024 แพ้ สเปอร์ส 2-3 (พรีเมียร์ลีก)
  • 20 มกราคม 2024 ชนะ ฟอเรสต์ 3-2 (พรีเมียร์ลีก)

วิเคราะห์ความพร้อมเบรนท์ฟอร์ด

นอกจาก ริโก้ เฮนรี่, เควิน เชด, แอรอน ฮิคกี้ และ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ที่มีอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ในเกมที่ผ่านมา อีธาน พินน็อก ก็ไม่มีชื่อเช่นกัน ซึ่ง โธมัส แฟรงค์ ก็ออกมายืนยันแล้วว่าแนวรับจาไมก้า จะกลับมาอีกทีหลังเบรกทีมชาติเดือนมีนาคม

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจกับทีมชาติ คาดว่าเกมนี้ โยอัน วิสซ่า จะได้กลับมาออกสตาร์ทเป็นกองหน้าคู่กับ อิวาน โทนีย์ โดยที่มี วิตาลี ยาเนลท์ กับ มาเธียส แยนเซ่น ปั้นเกมจากแดนกลาง และขนาบข้างด้วย แมดส์ โรเออร์สเลฟ กับ เซร์คิโอ เรกีลอน

นักเตะบาดเจ็บ : ริโก้ เฮนรี่, เควิน เชด, แอรอน ฮิคกี้, ไบรอัน เอ็มเบอโม่, อีธาน พินน็อก

นักเตะติดโทษแบน : –

ผลงานในการพบกันของทั้งสองทีม

  • 5 กุมภาพันธ์ 2024 เบรนท์ฟอร์ด แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3 (พรีเมียร์ลีก)
  • 28 พฤษภาคม 2023 เบรนท์ฟอร์ด ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • 12 พฤศจิกายน 2022 แมนฯ ซิตี้ แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-2 (พรีเมียร์ลีก)
  • 10 กุมภาพันธ์ 2022 แมนฯ ซิตี้ ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • 30 ธันวาคม 2021 เบรนท์ฟอร์ด แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)
ขอขอบคุณบทความจาก : sportingnews